บทคัดย่อ:บทความนี้นำเสนอเกี่ยวกับ "วงจรของตลาด" ซึ่งมีความสำคัญต่อการเทรด โดยแบ่งออกเป็นสี่ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การสะสม, การมาร์กอัป, การกระจาย และการมาร์กดาวน์ การทำความเข้าใจแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงวัฏจักรตลาดในประเภทต่างๆ เช่น ตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจและจิตวิทยาที่ขับเคลื่อนวัฏจักรนี้ เทรดเดอร์สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สวัสดีครับ นักเทรดทุกท่าน! แอดเหยี่ยวมีเรื่องเด็ดมาเล่าเกี่ยวกับ “วงจรของตลาด” ที่เป็นหัวใจสำคัญของการเทรด ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขหรือกราฟสวยๆ แต่มันคือโอกาสและความเสี่ยงที่ต้องเจอทุกวัน บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักช่วงสำคัญของวัฏจักรตลาด วิธีการที่มันปรากฏในเวทีการซื้อขาย และเทคนิคการใช้ประโยชน์จากรูปแบบที่คาดการณ์ได้ เพื่อคว้าโอกาสและรับมือกับความเสี่ยงให้ช่ำชองกว่าเดิม
สี่ขั้นตอนของวัฏจักรตลาด

ขอบคุณรูปจาก thaifrx
วัฏจักรตลาดโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสี่ขั้นตอนหลัก: การสะสม, การมาร์กอัป, การกระจาย และการมาร์กดาวน์ การเข้าใจแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในตลาดได้
- การสะสมในขั้นตอนนี้ นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญจะเริ่มซื้อสินทรัพย์ โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดอยู่ในภาวะทรงตัวหรือภาวะหมี ซึ่งราคายังต่ำและความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปมีน้อย ปริมาณการซื้อขายก็มักจะเบาบาง ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสะสมสินทรัพย์อย่างเงียบๆ
- การมาร์กอัปหลังจากการสะสม ราคาจะเริ่มขยับขึ้น ขั้นตอนนี้จะเห็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น รวมถึงการได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากขึ้น เทรดเดอร์จำนวนมากเริ่มเข้าสู่ตลาดในช่วงนี้ เนื่องจากมองเห็นสัญญาณของตลาดกระทิง ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และดัชนี RSI มักจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น ช่วงนี้ในกราฟวัฏจักรตลาดอาจแสดงการครอสโอเวอร์ระหว่างเส้น EMA ของช่วง 21 และ 50 วัน ชี้ถึงแนวโน้มกระทิงที่ชัดเจน
- การกระจายเมื่อการมาร์กอัปถึงจุดสูงสุด วัฏจักรจะเข้าสู่ช่วงการกระจาย ในขั้นตอนนี้ นักลงทุนที่ซื้อสินทรัพย์มาตั้งแต่แรกจะเริ่มทยอยขายเพื่อทำกำไร ราคามักจะเคลื่อนไหวไปด้านข้าง ทำให้ดูคล้ายกับช่วงมาร์กอัปต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีทั้งการซื้อและขายเกิดขึ้นในระดับสูง
- การมาร์กดาวน์ขั้นตอนสุดท้ายคือการมาร์กดาวน์ ซึ่งราคาสินทรัพย์จะลดลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนที่เข้าสู่ตลาดล่าช้าอาจประสบกับการขาดทุนอย่างหนัก การลดลงนี้จะดำเนินไปจนกว่าสินทรัพย์จะมีการประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงเริ่มเข้าสู่รอบการสะสมใหม่อีกครั้ง
วัฏจักรของตลาดในตลาดต่างๆ
การทำความเข้าใจวัฏจักรตลาดเป็นสิ่งสำคัญในทุกประเภทของตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินดิจิทัล วัฏจักรเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะและระยะเวลาที่แตกต่างกันไปตามแต่ละตลาด

ขอบคุณรูปจาก thaifrx
ตลาดหุ้นมักแสดงวัฏจักรที่ชัดเจนที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและครอบคลุม วัฏจักรในตลาดหุ้นมักสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจและอาจใช้เวลาหลายเดือนถึงหลายปี ระยะการสะสมมักเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอย หลังจากนั้นเมื่อเศรษฐกิจขยายตัว ราคาหุ้นจะเริ่มเพิ่มขึ้น (มาร์กอัป) ส่วนการกระจายและมาร์กดาวน์มักเกิดขึ้นระหว่างการชะลอตัวหรือหดตัวทางเศรษฐกิจ

ขอบคุณรูปจาก thaifrx
ตลาดฟอเร็กซ์ซึ่งเน้นการซื้อขายคู่สกุลเงิน มีวัฏจักรที่ได้รับอิทธิพลจากตัวชี้วัดและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลก เช่น การเติบโตของ GDP และการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย วัฏจักรในตลาดนี้มักมีระยะเวลาสั้นกว่า บางครั้งใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือหลายเดือน ทำให้การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ
- วัฏจักรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ขอบคุณรูปจาก thaifrx
วัฏจักรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน และสินค้าเกษตร มักเชื่อมโยงกับอุปสงค์และอุปทาน ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงขึ้นเมื่อเกิดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ (มาร์กอัป) และลดลงเมื่อมีการเพิ่มเส้นทางอุปทานใหม่ (มาร์กดาวน์)
- วัฏจักรในตลาดสกุลเงินดิจิทัล

ขอบคุณรูปจาก thaifrx
ตลาดคริปโตมีลักษณะเฉพาะเนื่องจากมีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและมีความผันผวนสูง วัฏจักรมักเริ่มต้นด้วยการสะสมหลังจากราคาลดลงอย่างหนัก ในช่วงที่ความเชื่อมั่นอยู่ในเชิงลบ การมาร์กอัปในตลาดนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งกินเวลาเพียงไม่กี่วันหรือสัปดาห์ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงการกระจายและมาร์กดาวน์อย่างรวดเร็ว
แรงผลักดันเบื้องหลังวัฏจักรของตลาด
วัฏจักรของตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจและจิตวิทยาที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของนักลงทุน การเข้าใจแรงผลักดันเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าแก่ผู้เข้าร่วมตลาดและช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ปัจจัยทางเศรษฐกิจปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่น การเติบโตของ GDP, อัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อ มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดวัฏจักรของตลาด ตัวอย่างเช่น เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง ต้นทุนการกู้ยืมจะถูกลง ส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ดูน่าสนใจมากขึ้น จึงเกิดระยะสะสมขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงจะมีเสน่ห์น้อยลง นักลงทุนจึงมักขายออกเพื่อปกป้องผลกำไร ทำให้เกิดระยะการกระจายตัวและมาร์กดาวน์ตามมา
- ปัจจัยทางจิตวิทยาความเชื่อมั่นของนักลงทุนส่งผลกระทบอย่างมากต่อพฤติกรรมการขึ้นลงของตลาด แนวคิดอย่างเช่น วัฏจักร 7 ปีของตลาดหุ้น แม้จะยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจน แต่ก็สร้างผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุนได้ โดยเชื่อว่าการเกิดวิกฤตทางการเงินมักจะวนเวียนมาในทุกๆ เจ็ดปี ความเชื่อเช่นนี้อาจทำให้นักลงทุนรู้สึกกังวลและระมัดระวังตัวมากขึ้นเมื่อใกล้ถึงกรอบเวลานั้น ปัจจัยทางจิตวิทยาดังกล่าวบางครั้งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่อิงกับความรู้สึกและการคาดการณ์ มากกว่าสภาวะทางเศรษฐกิจจริงๆ ซึ่งสามารถกลายเป็น “คำทำนายที่ตอบสนองในตนเอง” ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อขายมีความผันผวนยิ่งขึ้น
ผู้ค้าใช้วัฏจักรของตลาดเพื่อประโยชน์ของตนอย่างไร
เทรดเดอร์ใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฏจักรของตลาดเพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมในแต่ละระยะ โดยใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะของวัฏจักรเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดและลดความเสี่ยง ต่อไปนี้คือวิธีที่พวกเขานำไปใช้:
- การเปิดสถานะซื้อในระยะสะสมในช่วงการสะสม เทรดเดอร์มักจะเปิดตำแหน่งซื้อ โดยเลือกซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เนื่องจากคาดหวังว่าราคาจะปรับขึ้นในระยะมาร์กอัป พวกเขามองหาสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม เช่น การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขาย หรือสัญญาณเชิงบวกจากตัวชี้วัดทางเทคนิคอย่าง RSI หรือ MACD แพลตฟอร์มการซื้อขายต่างๆ เช่น TickTrader ของ FXOpen ให้เครื่องมือเหล่านี้ เพื่อช่วยจดจำวัฏจักรและใช้ประโยชน์จากช่วงการสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ขี่คลื่นมาร์กอัปในระยะมาร์กอัป เทรดเดอร์จะใช้กลยุทธ์ที่อิงกับแนวโน้มเพื่อเกาะกระแสการขึ้นของราคา ตัวอย่างเช่น การใช้กลยุทธ์ครอสโอเวอร์ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ซึ่งสามารถช่วยระบุโมเมนตัมและชี้ให้เห็นถึงจุดเข้าซื้อในตลาดขาขึ้น
- การขายชอร์ตในระยะการกระจายการรู้จักช่วงการกระจายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำกำไรจากการลดลงของราคา เทรดเดอร์อาจใช้กลยุทธ์การขายชอร์ตเพื่อเก็งกำไรจากการปรับราคาลง โดยใช้สัญญาณจากตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น การครอสโอเวอร์จากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง เพื่อยืนยันการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงและทำการเปิดสถานะขาย
- การป้องกันความเสี่ยงในระยะมาร์กดาวน์เมื่อเข้าสู่ช่วงมาร์กดาวน์ เทรดเดอร์จะเน้นไปที่กลยุทธ์ตามแนวโน้มที่เน้นการขาลง และใช้การป้องกันความเสี่ยงเพื่อจำกัดการสูญเสีย พวกเขามองหาจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมในการเข้าสู่ตลาดขาลง และอาจใช้เครื่องมือการจัดการความเสี่ยง เช่น การตั้งค่า Stop Loss เพื่อปกป้องพอร์ตการลงทุน
ขอบคุณข้อมูลจาก thaifrx
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
