简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
เตือนนักเทรด! จับตาภาษีของสหรัฐฯ เสี่ยงฉุดเศรษฐกิจไทยทรุด
บทคัดย่อ:“ภาษีทรัมป์” กำลังเป็นสัญญาณเตือนใหญ่สำหรับเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะนักเทรด FX หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าอาจสูงถึง 36% หากเกิดขึ้นจริง ไทยอาจเสียเปรียบทางการค้าและ GDP ติดลบ ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความตึงเครียดด้านเทคโนโลยีและความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ยิ่งซ้ำเติมความเสี่ยง แอดเหยี่ยวเตือนเทรดเดอร์จับตานโยบายสหรัฐฯ และบริหารความเสี่ยงให้ดี เพราะพายุลูกใหญ่อาจใกล้กว่าที่คิด

สัญญาณเตือนจากเวทีโลกเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเตรียมกลับมาสู่เก้าอี้หมายเลข 1 พร้อมแพ็กเกจนโยบาย “ภาษีขวานฟาด” ที่อาจลากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่พายุลูกใหม่ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งกำลังตกอยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่สุ่มเสี่ยงจากการขึ้นภาษีหนักหน่วง หากแผนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศของทรัมป์ทะลุระดับ 36% จริงตามที่วิเคราะห์ไว้โดย อินโนเวสท์ เอกซ์ ผลกระทบที่ตามมาอาจทำให้ GDP ไทยปีนี้ติดลบ!
แอดเหยี่ยวมองว่านี่ไม่ใช่ข่าวร้ายธรรมดา แต่นี่คือ red alert สำหรับสายเทรด FX ทั้งสายปอนด์ ดอลลาร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สายบาท” เพราะปัจจัยมหภาคระดับนี้มีผลโดยตรงต่อการแข็งอ่อนของค่าเงินไทย
ภาษีทรัมป์ – ไม่ใช่แค่การเมือง แต่คือเครื่องมือบีบเศรษฐกิจโลก
ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ จาก InnovestX วิเคราะห์ว่า สหรัฐฯ กำลังจัดกลุ่มประเทศคู่ค้า และ “ไทย” ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่สาม — กลุ่มที่ต้องเจรจาใหม่ภายใต้เงื่อนไขเข้มข้น
หากไทยไม่สามารถต่อรองได้ดี หรือโดนเก็บภาษีในระดับ 15-36% จริง GDP อาจติดลบถึง 2.5% ในกรณีรุนแรงที่สุด
การขึ้นภาษีเช่นนี้จะส่งผลให้ต้นทุนส่งออกสูงขึ้นทันที สินค้าไทยแข่งขันได้น้อยลง เงินทุนต่างชาติลังเลที่จะลงทุนเพิ่ม ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ เงินบาทเผชิญแรงขายจากทุกทิศ
จับตาค่าเงินบาท – ตลาด FX จะสวิงแรง
สำหรับนักเทรด FX แอดเหยี่ยวขอเตือนตรง ๆ ว่า ช่วงต่อจากนี้ “ข่าวการเมืองสหรัฐฯ” ไม่ได้มีผลแค่ต่อดัชนี Dow Jones หรือ S&P500 เท่านั้น แต่ “ค่าเงินดอลลาร์” และ “เงินบาท” จะเป็นสองพระเอกหลักในเกมนี้
- หาก “ทรัมป์” มีโอกาสกลับมาและมีแนวโน้มใช้นโยบายกีดกันทางการค้าอย่างจริงจัง ดอลลาร์อาจแข็งในช่วงแรก (จากกระแส risk-off) แต่ในระยะกลางถึงยาวอาจเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนและผลกระทบทางเศรษฐกิจ
- ในทางกลับกัน “เงินบาท” จะอ่อนค่าล่วงหน้า จากแรงกังวลเศรษฐกิจไทยทรุด กระทบการส่งออกโดยตรง
“เทรดเดอร์ควรจับตาแนวรับสำคัญของ USD/THB หากทะลุ 37.00 และมีแนวโน้มวิ่งขึ้นต่อไปที่ 38.50 หรือมากกว่า แนะนำเน้นฝั่ง long USD / short THB จนกว่าสัญญาณทางเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นบวก”
ชิป AI – ศึกเทคโนโลยีที่ไทยอยู่ตรงกลางสมรภูมิ
อีกหนึ่งลูกระเบิดที่กำลังนับถอยหลังคือ การจำกัดการส่งออกชิป AI จากสหรัฐฯ มายังไทยและมาเลเซีย ท่ามกลางความหวาดระแวงเรื่องเทคโนโลยีรั่วไหลไปยังจีน โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับ Data Center และ AI Lab
แม้ผลกระทบอาจยังไม่ชัดในทันที แต่ในระยะยาว การที่ไทยถูกมองว่าอยู่ “ฝั่งเทา” ระหว่างจีน-สหรัฐฯ อาจทำให้ต่างชาติชะลอการลงทุนเทคโนโลยี และนั่นก็หมายถึง “บาทอ่อน – การไหลออกของเงินทุน”
5 ความเสี่ยงกดดันเงินบาท-ตลาดทุน
- ภาษีทรัมป์ – หากขึ้นเกิน 20% GDP ไทยอาจติดลบ
- สงครามอิสราเอล-อิหร่าน – ส่งผลต่อต้นทุนน้ำมันและเงินเฟ้อ
- การเมืองไทย – ยุบสภา = สะดุดงบปี 69 = เศรษฐกิจชะงัก
- นโยบายดอกเบี้ย ธปท. – หากไม่ลดดอกเบี้ยทัน อาจต้านเศรษฐกิจไม่ไหว
- ประสิทธิภาพงบประมาณรัฐ – ล่าช้า = ความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลง
คำแนะนำจากแอดเหยี่ยว สำหรับเทรดเดอร์ FX
- อย่าเทรดแบบหลับหูหลับตา ควรติดตามนโยบายทรัมป์อย่างใกล้ชิด เพราะส่งผลต่อ USD ทันที
- จับตาทิศทางบาท หากมีความเสี่ยงนโยบายภาษีสูงเกิน 20% ให้เน้นถือ USD
- อย่าลืมกรองข่าว อย่าหลงกระแส “ดอลลาร์แข็ง” เพียงอย่างเดียว จับตานโยบายเฟดประกอบด้วย
- เน้น Risk Management – พอร์ตควรกระจาย อย่าเทหมดฝั่งเดียว
สรุปจากแอดเหยี่ยวภาษีทรัมป์ ชิป AI การเมืองไทย รวมกันคือ “พายุลูกใหม่ของเศรษฐกิจไทย” ที่พร้อมปะทะตลาดการเงินอย่างจัง เทรดเดอร์สาย FX ต้องกลายเป็นเหยี่ยวที่ตาสับไว มองไกล และกล้าบินสวนลม ไม่งั้นอาจโดนพายุนี้พัดร่วงแบบไม่ทันตั้งตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก THE STANDARD WEALTH
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

ปลอดภัยจริงหรือคิดไปเอง? ใช้ VPN เทรดต้องรู้ให้ชัดก่อนเสี่ยงพอร์ตพัง!
การใช้ VPN ในการเทรด Forex ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ปกป้องข้อมูล และลดความหน่วงของการเชื่อมต่อ เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเสถียรหรือเข้าถึงโบรกเกอร์ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้และใช้อย่างเหมาะสม เพราะ VPN ไม่ทำให้กำไรเพิ่ม แต่ช่วยให้เทรดได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น.

จากความหวังสู่ความพัง เมื่อ “Copy Trader” กลายเป็นกับดักความโลภของนักเทรด
กระแส “Copy Trader” ที่อ้างว่าสามารถคัดลอกการเทรดของมืออาชีพเพื่อสร้างกำไรโดยไม่ต้องวิเคราะห์เอง กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนหน้าใหม่ แต่เหตุการณ์ล่าสุดในไทยที่มีผู้เสียหายกว่า 10 ล้านบาทจาก “โค้ชสอน Copy Trade” ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้อย่างชัดเจน เพราะเบื้องหลังความง่าย อาจซ่อนความไม่โปร่งใสและการหลอกลวง นักลงทุนควรตรวจสอบใบอนุญาต ผลการเทรดย้อนหลัง และเงื่อนไขค่าบริการอย่างรอบคอบก่อนลงทุน สุดท้าย Copy Trade ไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย แต่เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ “ความรู้ ความระมัดระวัง และวินัย” เช่นเดียวกับการเทรดด้วยตัวเอง.

อยู่รอดหรือพอร์ตแตก? คำตอบทั้งหมดอยู่ที่ “Margin Level” ตัวเลขที่คุณควรรู้ก่อนเทรด
ในตลาด Forex ที่ผันผวนทุกวินาที “Margin Level” คือเส้นแบ่งระหว่างการอยู่รอดกับการล้างพอร์ต นักเทรดจำนวนมากพ่ายแพ้ไม่ใช่เพราะวิเคราะห์ผิด แต่เพราะไม่เข้าใจตัวเลขนี้ ซึ่งเป็นตัวชี้วัด “สุขภาพของพอร์ต” ว่าคุณยังมีทุนรับความเสี่ยงได้แค่ไหน หากค่า Margin Level ต่ำเกินไป ระบบอาจปิดออเดอร์อัตโนมัติ (Stop Out) เพื่อป้องกันการขาดทุนเกินพอร์ต การรักษา Margin Level ให้อยู่ในระดับปลอดภัยจึงเป็นวินัยสำคัญของเทรดเดอร์มืออาชีพ — เพราะสุดท้ายแล้ว การเทรดที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของการชนะทุกไม้ แต่คือ “การอยู่รอดให้นานพอ” ในสนามที่โหดที่สุดแห่งหนึ่งของโลกการเงิน.

WikiEXPO Dubai 2025 มหกรรมฟินเทคระดับโลกใกล้เปิดฉาก!
WikiEXPO Dubai 2025 มหกรรมฟินเทคระดับโลก จัดขึ้นวันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ที่ดูไบ รวมกว่า 5,000 ผู้เข้าร่วมและ 200 พันธมิตรจากทั่วโลก มุ่งเน้นนวัตกรรมด้าน AI, RegTech, Tokenization และสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อผลักดันอนาคตการเงินที่โปร่งใส ปลอดภัย และยั่งยืน.

